ข้อความนี้เขียนเอาไว้ เผื่อว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาอ่านดู ดูว่าตัวเองเคยมีชีวิตอย่างไรบ้าง
วันนี้ก็เหมือนทุกๆวัน ตามนี้
9.30 น. ตื่นนอน
11.00 น. ไปทำงาน
11.50 น.กินขนมปัง แทนข้าว ,ถั่วต้ม เป็นอาหารเช้า+อาหารเที่ยง
20.00 น. เลิกงาน
21.00 น. อาบน้ำ
23.00 น. เข้านอน
น่าเบื่อมาก
จริงๆ ฉันต้องตื่นนอน 5.00 น.
เพื่อมาเฝ้าเดี่ยวน่ะ แต่ก็แพ้ใจตัวเอง ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เราจะต้องทำให้ได้ ฝ้ายแกต้องทำให้ได้ สู้สู้สู้
เพื่อจะได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น เริ่มต้นวันใหม่อย่างเต็มที่
story of life
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้จะดำเนินไปตามความคิดของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก การงาน ครอบครัว ถ้าเราตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น บวกกับการมองโลกในแง่ดี อีกไม่นานสิ่งที่เราคิดไว้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
รายการบล็อกของฉัน
วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การ์ดวันแม่
ก่อนอื่น เราอยากบอกว่า ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ประทานแม่ที่ดีที่สุดให้กับเรา และเราก็ดีใจและมีความสุขมากที่ในชีวิตของเรามีช่วงเวลาหนึ่งให้จดจำ และได้นึกถึงอยู่เสมอ
แม่ของเราอาจจจะไม่ใช่คนที่ดีพร้อม สำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับเรา แม่คือผู้หญิงที่......หาคำมาบรรยายไม่ได้
เอาอย่างนี้ ......เป็นมากกว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมอดทน และเสียสละทุกสิ่งให้เราได้ ทุกครั้งที่เราอยากกินอะไร แม่ก็หามาให้เสมอ ครอบครัวของเราฐานะไม่ดีนัก แต่แม่ก็ชอบพาเราไปเปิดหูเปิดตา ไปทานอาหาร และไปเที่ยว ในที่ๆเด็กที่มีฐานะชอบไปกัน
สิ่งที่ทำให้เราคิดถึงเรื่องนี้ก็คือ มอบสิ่งที่ดีที่สุด อย่างที่บอกค่ะ ว่าเรามีฐานะไม่ค่อยดีนัก แต่แม่ก็ยังใขว่คว้าและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกๆทุกคน ซึ่งเราก็ประทับใจมาก และถึงแม่ว่าแม่จะไม่ทำอย่างนี้ เราก็ยังรักแม่ รักที่แม่เป็นตัวของแม่เอง รักที่แม่รักเราก่อน รักที่แม่รักเราที่สุด.....
เราจำได้ว่าตอนเด็กๆ ทุกครั้งที่นั่งมอเตอร์ไซต์กับแม่ เรามักจะกอดแม่ให้แน่นที่สุดเท่าที่เราจะกอดได้ (แต่ตอนนั้นแขนเราสั้น เราเลยต้องพยายามกอดแม่ให้ได้ แม่จะได้รู้ว่าแม่ยังผอมอยู่ 555) แล้วแม่ก็มักจะถามว่า "แม่อ้วนมั้ย" เราก็จะตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า "ไม่อ้วนค่ะ" แล้วแม่ก็จะแอบดีใจนิดๆ (หารู้ไม่ว่าเรากอดแม่สุดฤทธิ์) เรามีความสุขมากเลย มากจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้วนอกจากกอดแม่ มันรู้สึกอบอุ่น อุ่นใจ บอกไม่ถูก รู้สึกไม่มีอันตราย และไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
ถึงตอนนี้เราไม่มีโอกาสที่จะบอกรักแม่และกอดแม่เหมือนแต่ก่อน เราก็ยังรักแม่และอยากกอดแม่อยู่เสมอ
เราอยากพูดคำว่า "ขอโทษ" ให้แม่ฟัง เพราะ...หลายครั้งเราทำให้แม่ต้องเสียใจ ถ้าเวลามันย้อนกลับไปได้ เราจะดูแลแม่ของเราให้ดีกว่านี้แน่นอน
สุดท้าย ท้ายสุด อธิฐานกับพระเจ้า ฝากสิ่งเหล่านี้ไปให้แม่ของหนูด้วย เพราะหนูรู้ค่ะว่า แม่อยู่กับพระเจ้าที่สวรรค์.....และอีกไม่นาน หนูจะไปบอกด้วยตัวเองอีกครั้งค่ะ.......รัก...แม่....คนนี้.....มาก
แม่ของเราอาจจจะไม่ใช่คนที่ดีพร้อม สำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับเรา แม่คือผู้หญิงที่......หาคำมาบรรยายไม่ได้
เอาอย่างนี้ ......เป็นมากกว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมอดทน และเสียสละทุกสิ่งให้เราได้ ทุกครั้งที่เราอยากกินอะไร แม่ก็หามาให้เสมอ ครอบครัวของเราฐานะไม่ดีนัก แต่แม่ก็ชอบพาเราไปเปิดหูเปิดตา ไปทานอาหาร และไปเที่ยว ในที่ๆเด็กที่มีฐานะชอบไปกัน
สิ่งที่ทำให้เราคิดถึงเรื่องนี้ก็คือ มอบสิ่งที่ดีที่สุด อย่างที่บอกค่ะ ว่าเรามีฐานะไม่ค่อยดีนัก แต่แม่ก็ยังใขว่คว้าและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกๆทุกคน ซึ่งเราก็ประทับใจมาก และถึงแม่ว่าแม่จะไม่ทำอย่างนี้ เราก็ยังรักแม่ รักที่แม่เป็นตัวของแม่เอง รักที่แม่รักเราก่อน รักที่แม่รักเราที่สุด.....
เราจำได้ว่าตอนเด็กๆ ทุกครั้งที่นั่งมอเตอร์ไซต์กับแม่ เรามักจะกอดแม่ให้แน่นที่สุดเท่าที่เราจะกอดได้ (แต่ตอนนั้นแขนเราสั้น เราเลยต้องพยายามกอดแม่ให้ได้ แม่จะได้รู้ว่าแม่ยังผอมอยู่ 555) แล้วแม่ก็มักจะถามว่า "แม่อ้วนมั้ย" เราก็จะตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า "ไม่อ้วนค่ะ" แล้วแม่ก็จะแอบดีใจนิดๆ (หารู้ไม่ว่าเรากอดแม่สุดฤทธิ์) เรามีความสุขมากเลย มากจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้วนอกจากกอดแม่ มันรู้สึกอบอุ่น อุ่นใจ บอกไม่ถูก รู้สึกไม่มีอันตราย และไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
ถึงตอนนี้เราไม่มีโอกาสที่จะบอกรักแม่และกอดแม่เหมือนแต่ก่อน เราก็ยังรักแม่และอยากกอดแม่อยู่เสมอ
เราอยากพูดคำว่า "ขอโทษ" ให้แม่ฟัง เพราะ...หลายครั้งเราทำให้แม่ต้องเสียใจ ถ้าเวลามันย้อนกลับไปได้ เราจะดูแลแม่ของเราให้ดีกว่านี้แน่นอน
สุดท้าย ท้ายสุด อธิฐานกับพระเจ้า ฝากสิ่งเหล่านี้ไปให้แม่ของหนูด้วย เพราะหนูรู้ค่ะว่า แม่อยู่กับพระเจ้าที่สวรรค์.....และอีกไม่นาน หนูจะไปบอกด้วยตัวเองอีกครั้งค่ะ.......รัก...แม่....คนนี้.....มาก
วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ถ้าคุณล้ม คุณจะ.....
ถ้าคุณล้ม คุณจะ.......
ทุกคนเคยเจอคำถามแบบนี้ เช่นเดียวกับดิฉัน และแม้ว่าคุณจะตอบแบบขำขำว่า "ลุกขึ้นแล้วก็ปัดฝุ่นซิ" ก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องคะ แต่ลองมองตามสภาพความเป็นจริง แบบว่าล้มเหลวในชีวิตอะไรอย่างนี้ จะมีสักกีคนกันค่ะที่จะสามารถ ลุกขึ้นมาสู้ในทันทีทันใด ดิฉันแน่ใจว่าไม่มีแน่นอน เพราะกว่าเราจะคิดได้อย่างน้อยๆ ไอ้เจ้าเวลาก็พาเราผ่านวันและคืนไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ถ้าเราคิดได้เร็วมันด็ดีอยู่เหมือนกันนะ
เอาละ>>>มาเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้ ดิฉันจะมาแบ่งปันประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ให้กับเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน อาจจะเป็นเรื่องที่บางคนเคยได้ยินได้อ่าน และได้ดูมาบ้างแล้ว แต่สำหรับบางคนที่ไม่เคยเลย ดิฉันก็ยินดีเล่าให้ฟังคะ
ดิฉันเคยดูคลิปที่น่าประทับใจอยู่คลิปหนึ่ง เป็นคลิปที่นำมาเผยแพร่ทาง Youtube ซึ่งคลิปนี้ก็ประกอบไปด้วย ชายร่างเล็กคนหนึ่งกำลังพูดอะไรสักอย่าง ให้กับเด็กนักเรียนมัธยม ดูดูไปก็เป็นคลิปธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาซิคะ เพราะคนที่กำลังยืนพูดอยู่บนเวทีนั้น ....เป็นชายทีมีร่างกายไม่สมประกอบ จะพูดยังไงให้สุภาพดีคะเนี้ย เป็นที่เข้าใจกันนะ เอาละซิ ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะสิ่งที่เขากำลังพูดให้กับเด็กนักเรียน ก็แฝงไปด้วยบทเรียนต่างๆมากมาย ที่เกิดขึ้นจริงกับชายคนนี้ และที่น่าแปลกใจมาก คือ สิ่งที่เขาพูดนั้นดึงดูดให้เด็กนักเรียนหลายพันคนตั้งใจฟังเขาได้ อย่างไม่น่าเชื่อ (เพราะว่าเด็กนักเรียนไฮสกูลส่วนใหญ่ที่อยูเมืองนอกไม่ชอบมานั่งฟังอะไรอย่างนี้ นอกซะจาก>>เม้าคร้า) มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า ทุกคนเงียบกริปและตั้งใจฟังชายผู้นี้มาก และสิ่งที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้มันได้กระแทกจิตใจของฉันมาก
ชายผู้นี้พูดอย่างเบาๆว่า "พวกคุณเคยล้มใช่มั้ย แต่คงจะไม่เคยล้มแบบผมแน่ "ว่าแล้วชายคนนี้ก็ได้ทิ้งร่างที่เล็กลงไปกองอยู่กับพื้น แล้วก็พูดต่อไปว่า"ตอนนี้ผมล้มแล้ว และผมก็คงลุกขึ้นยืนไม่ได้อีก ทุกคนรู้ว่าผมพยายามที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งมากแค่ไหน ผมพยายามลุกกี่ร้อยกี่พันครั้ง แต่ก็ไม่เคยทำได้สักที" (ก็จะให้ลุกขึ้นได้ยังไงคะ ถ้าไม่มีใครช่วยพยุงเขาขึ้นมา ลองนึกภาพหรือทำตามสิ่งที่ฉันเขียนก็ได้
ไคว้แขนทั้งสองข้างมัดไว้ข้างหลัง แล้วก็ล้มคว่ำหน้าลง เอาลุกเลย).....เขาก็พูดต่ออีกว่า"ถึงผมจะลุกขึ้นยืนไม่ได้ในตอนนี้ แต่ผมจะไม่ให้คำว่า ยอมแพ้ มาชนะความตั้งใจและความพยายามของผมเด็ดขาด" ว่าแล้วเขาก็ใช้ศีรษะติดไว้กับพื้น และรวบรวมพลังทั้งหมดมายังศีรษะ จากนั้นเขาก็ดันศีรษะของเขา ด้วยแรงที่มหาศาล ทำให้เขายืนได้อีกครั้ง ทุกคนต่างปรบมือและร้องไห้ด้วยความชื่นชมยินดี กับสิ่งที่เขาเห็น......
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เรามักจะมองว่าเป็นสิ่งที่ยาก และเราคงทำไม่ได้หรอก(ยังไม่ได่ลงมือทำเลย แล้วว่ายากได้ยังไงเนี้ย) มา>>>>มาลองพกความกล้ากันเถอะ ดูซิว่ามันจะเปิดโอกาสให้เราได้พบกับอะไรบ้าง แน่นอน>>>>มันจะพาเราไปสู่ความภาคภูมิใจ อาจจะไม่ใช่ความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ แค่เพียงความภาคภูมิใจเล็กๆ ก็ทำให้เราสุขใจได้.....
ทุกคนเคยเจอคำถามแบบนี้ เช่นเดียวกับดิฉัน และแม้ว่าคุณจะตอบแบบขำขำว่า "ลุกขึ้นแล้วก็ปัดฝุ่นซิ" ก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องคะ แต่ลองมองตามสภาพความเป็นจริง แบบว่าล้มเหลวในชีวิตอะไรอย่างนี้ จะมีสักกีคนกันค่ะที่จะสามารถ ลุกขึ้นมาสู้ในทันทีทันใด ดิฉันแน่ใจว่าไม่มีแน่นอน เพราะกว่าเราจะคิดได้อย่างน้อยๆ ไอ้เจ้าเวลาก็พาเราผ่านวันและคืนไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ถ้าเราคิดได้เร็วมันด็ดีอยู่เหมือนกันนะ
เอาละ>>>มาเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้ ดิฉันจะมาแบ่งปันประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ให้กับเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน อาจจะเป็นเรื่องที่บางคนเคยได้ยินได้อ่าน และได้ดูมาบ้างแล้ว แต่สำหรับบางคนที่ไม่เคยเลย ดิฉันก็ยินดีเล่าให้ฟังคะ
ดิฉันเคยดูคลิปที่น่าประทับใจอยู่คลิปหนึ่ง เป็นคลิปที่นำมาเผยแพร่ทาง Youtube ซึ่งคลิปนี้ก็ประกอบไปด้วย ชายร่างเล็กคนหนึ่งกำลังพูดอะไรสักอย่าง ให้กับเด็กนักเรียนมัธยม ดูดูไปก็เป็นคลิปธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาซิคะ เพราะคนที่กำลังยืนพูดอยู่บนเวทีนั้น ....เป็นชายทีมีร่างกายไม่สมประกอบ จะพูดยังไงให้สุภาพดีคะเนี้ย เป็นที่เข้าใจกันนะ เอาละซิ ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะสิ่งที่เขากำลังพูดให้กับเด็กนักเรียน ก็แฝงไปด้วยบทเรียนต่างๆมากมาย ที่เกิดขึ้นจริงกับชายคนนี้ และที่น่าแปลกใจมาก คือ สิ่งที่เขาพูดนั้นดึงดูดให้เด็กนักเรียนหลายพันคนตั้งใจฟังเขาได้ อย่างไม่น่าเชื่อ (เพราะว่าเด็กนักเรียนไฮสกูลส่วนใหญ่ที่อยูเมืองนอกไม่ชอบมานั่งฟังอะไรอย่างนี้ นอกซะจาก>>เม้าคร้า) มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า ทุกคนเงียบกริปและตั้งใจฟังชายผู้นี้มาก และสิ่งที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้มันได้กระแทกจิตใจของฉันมาก
ชายผู้นี้พูดอย่างเบาๆว่า "พวกคุณเคยล้มใช่มั้ย แต่คงจะไม่เคยล้มแบบผมแน่ "ว่าแล้วชายคนนี้ก็ได้ทิ้งร่างที่เล็กลงไปกองอยู่กับพื้น แล้วก็พูดต่อไปว่า"ตอนนี้ผมล้มแล้ว และผมก็คงลุกขึ้นยืนไม่ได้อีก ทุกคนรู้ว่าผมพยายามที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งมากแค่ไหน ผมพยายามลุกกี่ร้อยกี่พันครั้ง แต่ก็ไม่เคยทำได้สักที" (ก็จะให้ลุกขึ้นได้ยังไงคะ ถ้าไม่มีใครช่วยพยุงเขาขึ้นมา ลองนึกภาพหรือทำตามสิ่งที่ฉันเขียนก็ได้
ไคว้แขนทั้งสองข้างมัดไว้ข้างหลัง แล้วก็ล้มคว่ำหน้าลง เอาลุกเลย).....เขาก็พูดต่ออีกว่า"ถึงผมจะลุกขึ้นยืนไม่ได้ในตอนนี้ แต่ผมจะไม่ให้คำว่า ยอมแพ้ มาชนะความตั้งใจและความพยายามของผมเด็ดขาด" ว่าแล้วเขาก็ใช้ศีรษะติดไว้กับพื้น และรวบรวมพลังทั้งหมดมายังศีรษะ จากนั้นเขาก็ดันศีรษะของเขา ด้วยแรงที่มหาศาล ทำให้เขายืนได้อีกครั้ง ทุกคนต่างปรบมือและร้องไห้ด้วยความชื่นชมยินดี กับสิ่งที่เขาเห็น......
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เรามักจะมองว่าเป็นสิ่งที่ยาก และเราคงทำไม่ได้หรอก(ยังไม่ได่ลงมือทำเลย แล้วว่ายากได้ยังไงเนี้ย) มา>>>>มาลองพกความกล้ากันเถอะ ดูซิว่ามันจะเปิดโอกาสให้เราได้พบกับอะไรบ้าง แน่นอน>>>>มันจะพาเราไปสู่ความภาคภูมิใจ อาจจะไม่ใช่ความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ แค่เพียงความภาคภูมิใจเล็กๆ ก็ทำให้เราสุขใจได้.....
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)